Quartz/จุยเจีย/ROCK CRYSTAL
/แก้วขาว/หินเขี้ยวหนุมาน
หินจุยเจีย เป็นภาษาจีน ออกเสียงว่า"จูเจีย" หรือ "จุยเจีย" คือแร่ควอตซ์ (Quartz) ควอตซ์นั้นชื่อแร่มาจากภาษาเยอรมันโบราณ quartz มีสูตรเคมีคือ SiO2 (จริงๆแล้วเลข2ห้อยอยู่ข้างล่างตัวOนะครับ แต่โปรแกรมมันไม่ตอบสนองต่อสูตรเคมี) สูตรเคมีเดียวกับหินจุยเจียครับ และลักษณะการเกิดเหมือนกัน รูปผลึกระบบเฮกซะโกนาล มักจะเกิดเป็นแท่งยาวปลายแหลมทั้งหัวและท้ายเหมือนกัน บางครั้งก็เกิดเป็นผลึกแฝด มีเนื้อสมานแน่น ผลึกมีแทบทุกขนาด แข็ง 7 เป็นแร่หนึ่งในสเกลความแข็งของโมห์ ค่าความถ่วงจำเพาะ 2.65 รอยแตกเว้า ความวาวคล้ายแก้ว บางทีก็คล้ายเทียนไขส่องแสงเป็นประกายแวววาว สีอาจจะเป็นสีขาวหรือไม่มีสี
หรืออาจมีมลทินมาเจือปนในรูปแบบต่างๆ เนื้อควอตซ์โปร่งใสถึงโปร่งแสงไม่หลอมละลายในกระบวนแร่ทั้งหลาย ไม่ละลายง่าย ละลายได้ในกรดเกลือ แร่ควอตซ์เกือบจะเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดและมีคุณสมบัติทางฟิสิกส์ที่คงที่ สรุปคือเป็นชนิดเดียวกันครับ ถ้าเป็นแบบมีมลทินอื่นๆมาแทรกจะเรียกว่าแก้วโป่งข่าม ถ้ามีสีต่างๆก็จะเรียกกันไปหลายชื่อครับเช่นสีม่วงเรียกว่าแก้วนางขวัญหรืออะเมทิส เป็นต้น
แต่จะเรียกควอตซ์ที่ใสเท่านั้นครับว่า "จุยเจีย" ชาวจีนเรียกว่า "จุยเจีย" ซึ่งแปลว่าสายน้ำ หมายถึง หินที่มีความใสเหมือนน้ำ เชื่อกันว่าเป็นรัตนชาติที่มีความ ศักดิ์สิทธิ์ และมีพลังอานุภาพแห่งความขลังที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลาช้านาน เป็นพลังที่ดี สามารถ ป้องกันปัญหาต่างๆ และสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้าย ออกจากร่างกาย อาคารบ้านเรือนและสถานที่ทำงานได้ สามารถปรับสมดุลตามธรรมชาติ ของร่างกาย ได้เป็นอย่างดี นิยมเจียระไนเป็นลูกแก้ว รูปเคารพพระพุทธเจ้า รูปเคารพพระโพธิสัตว์กวนอิม จี้ประดับต่างๆ ลูกประคำ เป็นต้น
ชาวตะวันตกเรียกว่า “คริสตัล” (Crystal ) หรือ "ร็อคคริสตัล"(Rocks Crystal) คำว่าCrystalเป็นคำในภาษากรีก หมายถึงน้ำแข็งที่ถูกประดิษฐ์โดยพระเจ้า เชื่อกันว่าคริสตัล
เป็นฟอสซิลของน้ำบริสุทธิ์ นิยมนำคริสตัลนี้มาทำเครื่องประดับ โคมแขวน ภาชนะ ฯลฯ นักบวชในศาสนาคริสต์บางคนนิยมนำคริสตัลมาทำเป็นจี้ไม้กางเขนหรือนำผลึกธรรมชาติมาห้อยคอเพื่อใช้ในการสวดภาวนา
ชาวล้านนาและล้านช้างเรียกว่า “แก้วขาว” นิยมนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป แล้วนำไปสมโภชปลุกเสกโดยพระสุปฏิปัณโณ เพื่อให้มีพุทธคุณครบถ้วนในทุกด้าน ตั้งแต่เมตตามหานิยม คุ้มครอง แคล้วคลาด ปลอดภัย มหาอุด คงกระพันชาตรี ป้องกันคุณไสย ภูตผีปีศาจ คุณคน มหาอำนาจ ตลอดจนเพิ่มพูนวาสนาบารมี
ส่วนในวงศ์ขุนนางเจ้านายและพระมหากษัตริย์ต่างก็นิยมนำมาเป็นพระแก้วคู่บารมี ตัวอย่างเช่น พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย ( ไทยได้อัญเชิญมาจากประเทศลาว ปัจจุบันอยู่ในพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต)
พระเสตังคมณี ( พระพุทธรูปคู่บารมีของพระนางจามเทวี พญาเม็งราย และกษัตริย์ราชวงศ์ล้านนาอีกหลายพระองค์ )
พระแก้วกรุเมืองฮอด
( ขุดพบจำนวนมากที่กรุเมืองฮอด จ.เชียงใหม่)
เป็นต้น
ส่วนผลึกที่มีมลทินเรียกว่า “แก้วโป่งข่าม” นิยมนำมาเจียระไนเป็นจี้ประดับ เชื่อว่าแก้วโป่งข่ามแต่ละชนิดให้พลังอำนาจเสริมชะตาชีวิตในด้านที่ต่างกัน
ชาวไทยเรียกว่า “หินเขี้ยวหนุมาน” เพราะในประเทศไทยพบเพียงผลึกขนาดเล็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายเขี้ยวเพชรของหนุมานตามวรรณคดี จึงเรียกว่าหินเขี้ยวหนุมาน แทบไม่พบผลึกขนาดใหญ่ในประเทศไทย ส่วนมากที่เป็นผลึกใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศอื่น
นิยมนำมาทำเป็นจี้ประดับ เชื่อว่าจะช่วยในด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี พระสงฆ์บางสำนักนำลูกแก้วหินชนิดนี้มาใช้ในทางปฏิบัติธรรม เชื่อว่าจะช่วยทำให้จิตเป็นสมาธิได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันภยันตราย ป้องกันสิ่งชั่วร้ายอัปมงคลต่างๆ ช่วยเสริมส่งวาสนาบารมี
นำโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง
ส่วนในวงศ์ขุนนางเจ้านายและพระมหากษัตริย์ นิยมนำมาแกะเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีประจำพระองค์ ตัวอย่างเช่น
พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย (พระแก้วประจำรัชกาลที่2)
พระแก้วองค์น้อยนาคปรก (พระแก้วสำคัญสมัยรัชกาลที่3)
พระแก้วเชียงแสน (พระแก้วประจำรัชกาลที่4)
พระพุทธบุษยรัตนน้อย (พระแก้วประจำรัชกาลที่5)
พระพุทธเพชรญาณ (พระแก้วประจำรัชกาลที่6)
และพระพุทธปฏิมาแก้วผลึก (พระแก้วประจำรัชกาลที่9)
เป็นต้น
หมายเหตุ:บทความนี้มีไว้เพื่อการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องQuartz ครับ ขออภัยด้วยหากไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและสืบค้นข้อมูล
โดย ก้องนเรนทร์ มาอุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น